
เรียนต่อต่างประเทศ ดียังไง กับ S&K International Education

การเรียนต่อต่างประเทศ เป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คน ทั้งคนที่อยากออกไปศึกษาหาความรู้ เพิ่มทักษะทางด้านภาษา และโอกาสในการทำงาน ให้กว้างมากขึ้น หรือบางคนก็อาจจะมองหา ประสบการณ์ในต่างประเทศ เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ใช้ชีวิตในต่างแดน และที่ S&K International Education เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศที่พร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เราเข้าใจดีว่า การไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ใช่แค่การไปเรียน แต่คือ การวางแผนอนาคต และเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสที่ไร้ขีดจำกัด เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าข้อดีการเรียนต่อต่างประเทศมีอะไรบ้าง และสำหรับใครที่สนใจ อยากไปเรียนต่อ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปประเทศไหนดี เราก็มีประเทศยอดฮิตของการเรียนต่อต่างประเทศมาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน
ไปเรียน เมืองนอก
ไปไม่ยาก ไปกับเรา
ข้อดีการเรียนต่อต่างประเทศ
1. เปิดโอกาส ได้ซึมซับวัฒนธรรมใหม่ๆ
2. เรียนไปด้วย เที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย
3. ได้เรียนรู้ภาษาอื่นๆ เพิ่มเติม
4. ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก
ไปเรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี
เรียนต่อออสเตรเลีย (Australia)
เรามาทำความเข้าใจระบบการศึกษาของออสเตรเลีย กันแบบคร่าวๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนมาเรียนต่อออสเตรเลียกันดีกว่า

ระบบการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย (Australia’s Education System)
การศึกษาของประเทศออสเตรเลียจะแบ่งออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน ได้แก่
อยู่ในช่วงอายุ 3-5 ปี จะเป็นการศึกษาแบบไม่บังคับ แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่จะส่งน้องๆ เข้าเรียน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านการเรียนรู้ ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และการเข้าสังคม
อยู่ในช่วงอายุ 13 - 18 ปี และแบ่งเป็น 2 ช่วงหลักสูตร ได้แก่
- มัธยมศึกษาตอนต้น (Junior Secondary) ต่อจากระดับประถมศึกษา เป็นชั้นปีที่ 7-10 (Year 7-10) เมื่อจนการศึกษาขั้นนี้แล้ว นักเรียนสามารถเข้าทำงานหรือฝึกงานในอุตสาหกรรมต่างๆ หรือศึกษาต่อหลักสูตรขั้นต่อไปได้
- มัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior Secondary): ชั้นปีที่ 11 และ 12 (Year 11-12) เป็นการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนสามารถเลือก เรียนวิชาหลัก และวิชาเลือกที่สัมพันธ์กับสาขาวิชาที่สนใจ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อเนื่องในระดับอุดมศึกษาต่อไป
หลังจากเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Year 10) นักเรียนสามารถเลือกศึกษาในระดับสายอาชีพ หรืออาชีวะ ที่เน้นการฝึกอบรมเพื่อการทำงานภาคปฏิบัติ สำหรับประกอบอาชีพนั้นๆ โดยเฉพาะ อาทิเช่น ด้านการโรงแรม บริการ การทำอาหาร การพยาบาล การเลี้ยงเด็ก การดูแลคนชรา และรวมถึง งานช่างไฟ ช่างประปา ช่างไม้ ต่างๆ โดยแต่ละหลักสูตรจะมีระยะเวลา ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
- Undergraduate จะครอบคลุมตั้งแต่
- ระดับอนุปริญญา (Associate Diploma) เป็นหลักสูตรที่เสริมทักษะความรู้ เพื่อเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้
- ระดับปริญญาตรี (ฺBachelor’s Degree) โดยทั่วไปใช้ระยะเวลา 3 ปี และกรณีเรียนในระดับเกียรตินิยม หรือที่เรียกว่า Honours จะใช้เวลารวม 4 ปี
- Postgraduate Courses จะครอบคลุมตั้งแต่
- ระดับประกาศนียบัตร (Graduate Diploma) ระยะเวลาทั่วไป 1-2 ปี เป็นหลักสูตรสำหรับต่อยอดความรู้จากระดับปริญญาตรี สามารถใช้ในการยื่นเข้าเรียนในระดับปริญญาโทต่อได้
- ระดับปริญญาโท (Master’s Degree) ระยะเวลาทั่วไป 1-2 ปี และหลักสูตรจะมีหลากหลายให้เลือก เช่น เน้นการเรียนการปฏิบัติและการทำวิทยานิพนธ์ (Coursework), หรือเน้นการวิจัย (Research or Thesis) และแบบผสมผสานทั้งสองแบบ
- ระดับปริญญาเอก (Doctorate, PhD) ระยะเวลาโดยมากจะเป็น 3 ปีขึ้นไป โดยหลักสูตรระดับปริญญาเอกของออสเตรเลีย จะเน้นไปที่โครงงานวิจัยเป็นหลัก
เรียนต่อนิวซีแลนด์ (New Zealand)
และระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์เอง ก็มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เรามาดูกันแบบคร่าวๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนมาเรียนต่อที่นิวซีแลนด์กันดีกว่า

ระบบการศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand’s Education System)
การศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์จะมีทั้งหมด 4 ระดับ ได้แก่
อยู่ในช่วงอายุ 3-5 ปี เป็นการศึกษาแบบไม่บังคับ โดยพ่อแม่ส่วนใหญ่จะพาเด็กๆ มาเข้าเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งความรู้ ร่างกาย และจิตใจก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับถัดไป
อยู่ในช่วงอายุ 5-12 ปี (Year 1-8) เน้นศึกษาวิชาทั่วไป เช่น ศิลปะ คณิตศาสตร์ สังคม วิทยาศาสตร์ รวมถึงด้านภาษา ที่จะมีการสอนทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาเมารีของชนพื้นเมือง
อยู่ในช่วงอายุ 13-17 ปี (Year 9-13) เป็นการเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับถัดไป โดยในช่วง 3 ปีสุดท้าย นักเรียนแต่ละคนจะถูกวัดผล National Certificate of Educational Achievement (NCEA) โดยนับจากผลการเรียนและการสอบของแต่ละวิชา คิดผลเป็นคะแนนเครดิต โดย NCEA จะมีระดับแยกย่อยอีก 3 ระดับตามแต่ละชั้นปี และมีการแจกเกียรติบัตร NCEA หลังเรียนจบในทุก ๆ ปี
โดยนักเรียนจะได้รับเกียรติบัตร NCEA ก็ต่อเมื่อผ่านเกณฑ์ของแต่ระดับ เช่นเครดิตถึงเกณฑ์ในแต่ละวิชา โดยนักเรียนจะสามารถย้อนกลับไปเก็บหน่วยกิตในระดับก่อนๆ ได้จนกว่าจะจบการศึกษา สำหรับนักเรียนที่ต้องการจะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย จะต้องมีเกียรติบัตรและเครดิต NCEA ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะสามารถเรียนต่อได้
อยู่ในช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยหลักสูตรจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
- มหาวิทยาลัย (University): มี 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับปริญญาตรี (Bachelor’s Degree): ระยะเวลา 3-4 ปี และนักศึกษาจะได้รับคุณวุฒิเกียรตินิยม (Honour) เพิ่มหากทำวิจัยเพิ่มเติมอีก 1 ปี แต่บางสาขาอาจใช้เวลาเรียนและเกณฑ์การให้เกียรตินิยมแตกต่างไปจากนี้
- ระดับปริญญาโท (Master’s degree): ระยะเวลา 1 ปี สำหรับนักศึกษาที่มีวุฒิปริญญาตรีเกียรตินิยม หรือ 2 ปี สำหรับนักศึกษาที่ไม่มีเกียรตินิยม และเมื่อเรียนจบก็จะได้คุณวุฒิเกียรตินิยม
- ระดับปริญญาเอก (Doctorate Degree): ระยะเวลา 3-8 ปีขึ้นไป โดยนักศึกษาที่ต้องการเรียนต่อในระดับนี้ จะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโท หรือหากได้รับเกียรตินิยมในระดับปริญญาตรีมาก่อน ก็สามารถข้ามมาศึกษาต่อที่ระดับนี้ได้เลย
- ระดับอาชีวศึกษา (Vocational Education): มีระยะเวลาตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เป็นหลักสูตรด้านวิชาชีพ เน้นการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในการทำงาน มีการอบรมวิชาชีพขั้นสูง และการฝึกปฏิบัติจริงของแต่ละสายงาน โดยสายงานที่น่าสนใจนั้น ก็มีตั้งแต่ การโรงแรม งานบริการ การทำอาหารและงานครัว งานพยาบาล การทำงานศิลปะ และช่างฝีมือต่างๆ เป็นต้น
อีกหนึ่งจุดเด่นที่การศึกษานิวซีแลนด์นั้นแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆ ก็คือการมีหลักสูตรประจำชาติถึง 2 หลักสูตร ได้แก่
- หลักสูตรนิวซีแลนด์ (New Zealand Curriculum) เป็นหลักสูตรทั่วไป มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก
- หลักสูตรตามปรัชญาเมารี (Te Marautanga o Aotearoa) เป็นหลักสูตรที่สร้างตามรากฐานของวัฒนธรรมและค่านิยมเมารี เพื่ออนุรักษ์ภาษาและศิลปวัฒนธรรมของชาวเมารี มีการเรียนการสอนด้วยภาษาเมารี และจะใช้ในสถานศึกษาของชาวเมารีเป็นหลัก
เรียนต่ออังกฤษ (United Kingdom / England)
การไปเรียนต่ออังกฤษ เรียนต่อ UK ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าสนใจ นอกจากจะเป็นประเทศที่มีโรงเรียน และมหาวิทยาลัยระดับโลกอยู่มากมาย สหราชอาณาจักร (United Kingdom) หรือที่เราขอมุ่งไปที่ ประเทศอังกฤษ (England) เป็นหนึ่งในประเทศที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ทรงอิทธิพลไปทั่วโลก พร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ใครๆ ก็รู้จัก และยังเป็นประเทศต้นกำเนิดของภาษาอังกฤษ ที่เราจะได้เรียนรู้และเพิ่มทักษะการใช้ภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาแบบถึงถิ่น ซึ่งตอบโจทย์คนที่อยากจะฝึกและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ควบคู่ไปกับการเรียนวิชาการอีกด้วย แต่ก่อนจะตัดสินใจ เรามาทำความเข้าใจระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษกันแบบคร่าวๆ เพื่อเราจะได้เป็นข้อมูลก่อนไปเรียนต่ออังกฤษ ได้แบบที่เข้าใจมากขึ้น

ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ (English’s Education System)
ระบบการศึกษาของอังกฤษ จะแบ่งหลักๆ ได้ 5 ระดับ ดังนี้
อยู่ในช่วงอายุ 3-5 ปี จัดอยู่ใน ช่วงอนุบาล-เด็กเล็ก เน้นการเรียน ผ่านการเล่น การสำรวจ เพื่อส่งเสริมทักษะการเข้าสังคม และการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
อยู่ในช่วงอายุ 5 - 11 ปี และแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ Key Stage 1 (ชั้นเรียนที่ 1-2) และ Key Stage 2 (ชั้นเรียนที่ 3-6) ซึ่งมุ่งเน้นวิชาหลัก เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รวมถึงวิชาพื้นฐาน เช่น ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และศิลปะ และจะมีการสอบ Standard Assessment Test (SATs) ช่วงปลาย Key Stage 2 เพื่อประเมินผลการเรียนของนักเรียนเข้าสู่ระดับต่อไป
จะอยู่ในช่วงอายุ 11-16 ปี และแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ Key Stage 3 (ชั้นเรียนที่ 7-9) และ Key Stage 4 (ชั้นเรียนที่ 10-11) เมื่อนักเรียนมีอายุ 16 ปี หรือจบ Stage 4 (ชั้นเรียนที่ 11) จะมีการสอบ General Certificate of Secondary Education (GSCE) เพื่อประเมินวัดระดับสู่เพื่อเลื่อนสู่ระดับการศึกษาต่อไป
อยู่ในช่วงอายุ 16-18 ปี ในระดับนี้ นักเรียนสามารถเลือกที่จะเรียนต่อในหลักสูตร A-Level ซึ่งเนื้อหาหลักสูตรจะมุ่งเน้นเพื่อศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา (Higher Education) ต่อไป หรือเลือกเรียนต่อใน หลักสูตรสายอาชีพ (Vocational Courses) เช่น Business and Technology Education Council (BTEC) หรือ National Vocational Qualification (NVQ) เพื่อฝึกทักษะสายอาชีพ และยังสามารถเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไปได้อีกด้วย
อยู่ในช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งการแบ่งหลักสูตรหลักๆ ดังนี้
- Undergraduate Courses จะครอบคลุมถึง ระดับอนุปริญญา(Foundation Degree) หรือระดับปูพื้นฐานเพื่อเรียนต่อระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่ใช้เวลา 1-2 ปี ระดับ ปริญญาตรี (ฺBachelor’s Degree) โดยทั่วไปหลักสูตรจะใช้เวลาเรียน 3 ปี แต่บางสาขาวิชาจะใช้ระยะเวลามากกว่า 3 ปี เช่น วิศวกรรมศาสตร์ และแพทยศาสตร์ เป็นต้น
- Postgraduate Courses จะครอบคลุมถึง ระดับปริญญาโท (Master’s Degree) และ ระดับปริญญาเอก (Doctorate, PhD) โดยแต่ละหลักสูตรจะมีการเรียนการสอนที่ต่างกันไป อาทิเช่น หลักสูตรเน้นการเรียน (Taught Courses), หลักสูตรเน้นการทำวิจัย (Research Courses) หลักสูตรออกแบบเฉพาะสำหรับนักศึกษาปริญญาเอก (Professional Doctorates)
เรียนต่อสิงคโปร์ (Singapore)
การไปเรียนต่อสิงคโปร์ จัดว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่ต้องการปรับตัวเยอะ เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ห่างจากประเทศไทยแล้ว อาหารการกินก็ยังมีความคล้ายคลึงกัน รวมถึงสภาพอากาศที่คล้ายคลึงกับประเทศไทย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศหนาวเย็นแบบประเทศในฝั่งตะวันตก แถมสิงคโปร์ยังเป็นประเทศที่สื่อสารกันหลายภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ จีน และมาเลย์ สำหรับใครที่อยากจะฝึกภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษ และไม่ต้องปรับตัวจากประเทศไทยมากนัก การเรียนต่อสิงคโปร์ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

ระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ (Singapore’s Education System)
การศึกษาของประเทศสิงคโปร์นั้นจะมีทั้งหมด 5 ระดับด้วยกัน ได้แก่
หรือระดับอนุบาล อยู่ในช่วงอายุ 3-6 ปี
อยู่ในช่วงอายุ 7-12 ปี เป็นหลักสูตรภาคบังคับ 6 ปี แบ่งเป็น ระดับประถมต้น (ปี 1-4) และ ระดับประถมปลาย (ปี 5-6) เมื่ออยู่ระดับประถมปลาย นักเรียนจะมีการสอบวัดประเมินผล หรือที่เรียกว่า Primary School Leaving Examination (PSLE) เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับต่อไป
อยู่ในช่วงอายุ 13-16/17 ปี นักเรียนในระดับนี้จะมีการเตรียมพร้อมในการสอบวัดผล GCE (General Certificate of Education) แบ่งแผนการเรียนย่อยได้ 2 สาย ตามความถนัดและระดับผลการสอบ PSLE ของนักเรียน ได้แก่
- แผนการเรียนแบบปกติ (Normal Course): หลักสูตร 5 ปี แบ่งการเรียนเป็น 2 สายหลักๆ ได้แก่การเรียนสายวิชาการ (Academic) และสายเทคนิคศึกษา (Technical) โดยเมื่อเรียนถึงปีที่ 4 แล้ว นักเรียนจะต้องทำการสอบ GCE “N” Level เพื่อเรียนต่อในชั้นปีที่ 5 และเตรียมสอบ GCE “O” Level เพื่อศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมศึกษา หรือหากสอบไม่ผ่าน ก็จะสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับโพลีเทคนิคได้
- แผนการเรียนแบบปกติ (Normal Course): หลักสูตร 5 ปี แบ่งการเรียนเป็น 2 สายหลักๆ ได้แก่การเรียนสายวิชาการ (Academic) และสายเทคนิคศึกษา (Technical) โดยเมื่อเรียนถึงปีที่ 4 แล้ว นักเรียนจะต้องทำการสอบ GCE “N” Level เพื่อเรียนต่อในชั้นปีที่ 5 และเตรียมสอบ GCE “O” Level เพื่อศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมศึกษา หรือหากสอบไม่ผ่าน ก็จะสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับโพลีเทคนิคได้
มี 3 หลักสูตรหลักๆ ได้แก่
- เตรียมอุดมศึกษา (Junior College): หลักสูตร 2 ปี สำหรับการศึกษาเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนที่เรียนหลักสูตรนี้จะต้องเข้าสอบ GCE “A” Level ในปีสุดท้ายเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
- วิทยาลัยโพลีเทคนิค (Polytechnic): หลักสูตร 3 ปี สำหรับการศึกษาด้านอาชีวะศึกษา และเมื่อสำเร็จการศึกษาก็จะสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้เช่นกัน
- สถาบันศึกษาด้านเทคนิค (Institute of Technical Education): หรือที่เรียกว่า ITE เป็นสถาบันการศึกษาสำหรับฝึกความรู้และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานด้านเทคโนโลยีและงานอุตสาหกรรม มีหลักสูตรที่หลากหลายตามแต่สาขาอาชีพ หลักสูตรส่วนใหญ่มีระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี
แบ่งหลักๆ ได้ 3 หลักสูตร ได้แก่
- ระดับปริญญาตรี (Bachelor’s degree): ระยะเวลา 3-5 ปี
- ระดับปริญญาโท (Master’s degree): ระยะเวลา 1 ปี
- ระดับปริญญาเอก (PhD/Doctorate): ระยะเวลา 2-5 ปี
ความน่าสนใจของการศึกษาภาคบังคับสิงคโปร คือ การให้นักเรียนเรียนรู้ภาษา 2 ภาษาพร้อมกัน คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาแม่อีกหนึ่งภาษา ได้แก่ ภาษาจีน, มลายู หรือทมิฬ ทำให้ชาวสิงคโปรนั้นสามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ อย่างคล่องแคล่ว
การไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นมีข้อดีที่มากกว่าแค่การไปเรียนหนังสือหรือหาความรู้ แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัส ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างแดนและพบปะสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ๆ จากแต่ละมุมโลก ที่จะทำให้เราได้เปิดหูเปิดตา และเป็นโอกาสที่ดีในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเต็มที่ด้วย
หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนต่อภาษาอังกฤษ
สามารถติดต่อ S&K International Education
เรายินดีให้คำแนะนำการเลือกประเทศ หลักสูตร และสถาบันที่เหมาะกับคุณ พร้อมดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ
ติดต่อ โทร.: (66)2-464-5177, (66)81-816-6606 หรือ (66)89-799-0093
NEWS UPDATE

โปรแกรมของเรา

ภาษาอังกฤษ (English)
ขณะที่ช่วยพัฒนาการอ่านออกเสียงและหลักไวยากรณ์ด้วยเช่นกัน หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไปเป็น หลักสูตรที่เน้นทางด้านการใช้ภาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ กับบุคคลทั่วไป หลักสูตรนี้แบ่งออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่ Beginner, Elementary, Pre-Intermediate, Intermediate, Upper Intermediate, and Advanced level ระดับละ 10-15 สัปดาห์โดยหลักสูตรสอน ขณะที่ช่วยพัฒนาการอ่านออกเสียงและหลักไวยากรณ์ด้วยเช่นกัน หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป

อาชีวะศึกษา (Vocational)
เพื่อนๆ น้องๆเห็นชื่อคอร์สนี้แล้วอาจจะงงๆ เล็กน้อยว่ามันคืออะไรไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งจริงๆแล้วคอร์สเรียนนี้เป็นคอร์สยอดนิยมของนักเรียนไทยในต่างแดนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากหลังจากที่นักเรียนไทย ได้เข้ามาเรียนภาษาอังกฤษระยะเวลาสั้นๆ 3-6 เดิอนแล้ว ยังหลงใหลกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในต่างแดน เพื่อนๆ น้องๆ เห็นชื่อคอร์สนี้แล้วอาจจะงงๆเล็กน้อยว่ามันคืออะไรไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งจริงๆแล้วคอร์สเรียนนี้เป็นคอร์สยอดนิยมของนักเรียนไทยในต่างแดนเลยก็ว่าได้

อุดมศึกษา (Higher Education)
สำหรับอันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ใครๆก็ใฝ่ฝันฟังแล้วดูไฮโซมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น S&K สามารถดูแล วางแผน ติดต่อถาบันนั้นๆ ในคำปรึกษากับน้องๆ ในทุกขั้นตอน จนน้องๆจบการศึกษา ตัวอย่างถาบันการศึกษาด้านล่างเลยจ้า สำหรับอันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ใครๆก็ใฝ่ฝันฟังแล้วดูไฮโซมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น S&K สามารถดูแล วางแผน ติดต่อถาบันนั้นๆ ในคำปรึกษากับน้องๆ ทุกขั้นตอน

Work and Study
คงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ที่จะหางานพิเศษต่างๆทำ เพื่อมีรายได้เล็กน้อยในการดำรงชีวิต อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองอีกด้วย งานต่างๆเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น พนักงานเสริ์ฟในร้านอาหาร โรงแรม พับ บาร์ อื่นๆ ซึ่งองค์กรเหล่านี้มักนิยมจ้าง เด็กเรียนนักศึกษามาทำงานสะด้วยสิ คงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ที่จะหางานพิเศษต่างๆทำ เพื่อมีรายได้เล็กน้อยในการดำรงชีวิต อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองอีกด้วย

โปรแกรมอื่นๆ
คงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ที่จะหางานพิเศษต่างๆทำ เพื่อมีรายได้เล็กน้อยในการดำรงชีวิต อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองอีกด้วย งานต่างๆเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น พนักงานเสริ์ฟในร้านอาหาร โรงแรม พับ บาร์ อื่นๆ ซึ่งองค์กรเหล่านี้มักนิยมจ้าง เด็กเรียนนักศึกษามาทำงานสะด้วยสิ คงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ที่จะหางานพิเศษต่างๆทำ เพื่อมีรายได้เล็กน้อยในการดำรงชีวิต อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองอีกด้วย
ศูนย์บริการแนะแนว
การศึกษาต่อต่างประเทศ
คำถามที่พบบ่อย
คำถามทั่วไปเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปเรียน
TOEFL เป็นการทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษทางด้านการฟัง การอ่านและการเขียนเท่านั้น ซึ่งสถาบันในประเทศอเมริกา และแคนาดานิยมใช้ผลทดสอบ TOEFL
IELTS เป็นการทดสอบความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ทั้ง 4 ทักษะ คือ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด และมีการสอบสัมภาษณ์เพิ่มเข้ามา ซึ่งนิยมใช้ในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอังกฤษ
น้อง ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสนามสอบ และค่าใช้จ่าย ได้ที่
TOEFL สอบถามข้อมูลได้ที่
- สถาบันการศึกษานานาชาติ ( IIE )
อาคารซิตี้แบงก์ ชั้น 9 ถ.สาทรเหนือ
ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.
IELTS
น้อง ๆ สามารถหา ข้อมูลศูนย์สอบที่ใกล้ ๆ บ้านได้จาก
https://www.ielts.org/book-a-test/find-a-test-location
อันนี้จะต้องขึ้นอยู่กับว่าน้อง ๆ อยากไปเรียนต่อที่ประเทศไหนและในหลักสูตรใด เพราะในแต่ละหลักสูตร มีข้อกำหนดในการสมัครเรียนที่แตกต่างกันไป พี่จะลองยกตัวอย่างให้นะคะ
หลักสูตรภาษาอังกฤษพื้นฐาน General English ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ต้องสอบวัดผลทางภาษาอังกฤษก่อนที่จะสมัครเรียน เพราะชื่อคอร์สเรียนก็บอกอยู่แล้วนะคะว่าเป็นภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน ที่ใคร ๆ ก็สามารถเรียนได้
หลักสูตรวิชาชีพ Vocational Course ส่วนใหญ่แล้วน้อง ๆ ที่จะลงเรียนในหลักสูตรนี้จะต้องมีผลสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษ(TOEFL หรือ IELTS)มาเพื่อใช้ในการสมัครเรียน เพราะหลักสูตรนี้จะเป็นการเรียนที่ยากขึ้นจากการเรียนคอร์สเรียนภาษาทั่วไป ซึ่งน้อง ๆ ที่ลงทะเบียนเรียนควรจะมีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษพอสมควร
หลักสูตรปริญญา Degree program แน่นอนอยู่แล้วค่ะ น้อง ๆ ที่จะลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรปริญญา จะต้องมีผลภาษาที่ดีถึงดีมากเพราะการเรียนในหลักสูตรปริญญานั้นจะค่อนข้างยากและซับซ้อน บางรายวิชาอาจจะมีศัพท์เฉพาะทาง และยังมีการนำเสนอ project หรือ ผลงานหน้าชั้นเรียน ซึ่งนั้นก็หมายถึงน้อง ๆ จะต้องมีความสามารถที่จะฟัง พูด อ่าน เขียน ถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจได้ว่าน้อง ๆ ต้องการจะสื่อสารถึงเรื่องใด
ส่วนว่าในแต่ละหลักสูตรและสถาบันของประเทศไหน จะต้องการให้น้อง ๆ สอบวัดผลทางภาษาแบบไหนนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของทางสถาบัน และ ข้อกำหนดของแต่ละประเทศค่ะ
การเปิดเทอมของแต่ละสถาบันจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถาบันและหลักสูตรที่น้อง ๆ เลือกเรียน ซึ่งมีทั้งเปิดเทอม 6 เดือนครั้ง 3 เดือนครั้ง หรือ เดือนละครั้ง ขึ้นอยู่กับสถาบันที่น้องเลือก ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเช็คกับสถาบันอีกครั้งนึง
แต่พี่สรุปคราว ๆ ของแต่ละประเทศมาให้ดูกันนะจ๊ะ
- ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มหาวิยาลัยเปิดภาคเรียนเดือนกุมภาพันธ์ บางหลักสูตรเปิดเดือนกรกฏาคม สำหรับวิทยาลัยเปิดภาคเรียนเดือนละครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละวิทยาลัย
- ประเทศอังกฤษ เปิดภาคเรียนในเดือนกันยายน แต่ก็มีบางหลักสูตรที่เปิดในเดือนมกราคม
- ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทั่วไปจะเริ่มภาคการศึกษาในเดือนกันยายน แต่ในบางมหาวิทยาลัยเริ่มเปิดในเดือนมกราคม
- ประเทศแคนาดา เริ่มเปิดภาคเรียนระหว่างเดือนสิงหาคมและพฤศจิกายน
อย่าลืมเช็คข้อมูลอัพเดตกับทาง website ของสถาบันนะคะ
หรือน้อง ๆ แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่ ๆ S&K ได้ค่ะ เดี่ยวพวกพี่ ๆ S&K จะเช็คข้อมูลอัพเดตต่าง ๆ ให้น้องเองจ๊ะ
คำถามเกี่ยวกับ วีซ่าและ คอร์สเรียนต่าง ๆ
ก่อนอื่นถ้าน้อง ๆ สนใจที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่างแรกที่น้อง ๆ ต้องทำคือ
1. ถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าอยากที่จะไปเรียนอะไร แขนงไหน เช่น อยากไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หรืออยากเรียนในส่วนของคอร์สวิชาชีพ เช่น ฺBusiness, Marketing, IT, Hospitality หรือจะไปเรียนในระดับปริญญาตรี โท หรือ เอก
2. หลังจากที่เลือกได้แล้วว่าน้อง ๆ อยากจะเรียนอะไร ก็มาถึงในส่วนของเอกสารที่ต้องใช้เบื้องต้น หลัก ๆ คือ Passport, ใบแสดงผลการเรียน (Transcript) ที่เป็นภาษาอังกฤษ
3. เตรียมในส่วนของผู้สนับสนุนทางการเงิน คือ ลองคุยกับทางบ้านดูว่า ทางผู้สนับสนุนของเรา มีความสามารถที่จะสนับสนุนเราให้ไปเรียนต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน
เมื่อน้อง ๆ ตัดสินใจและเตรียมข้อมูลเบื้องต้นครบแล้ว ขั้นต่อไปน้อง ๆ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาพี่ ๆ S&K ได้เลยจ๊ะ พวกพี่ ๆ จะช่วยจัดคอร์สเรียนและอธิบายการเตรียมตัวในส่วนของเอกสารที่จะต้องใช้ในการยื่นวีซ่าให้น้อง ๆ เองค่ะ
เบอร์โทรที่สามารถ โทรหาพี่ ๆ S&K
Tel. 02-464 - 5177 M. 081- 816 - 6606 , 089 - 799 - 0093
ตั้งแต่ 09:00 - 17:30 จันทร์ - ศุกร์ วันเสาร์ 10:00 - 15:00
General English คือ การเรียนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน เป็นคอร์สเรียนที่เรียนไปเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษเบื้องต้น ใน 4 ทักษะขั้นพื้นฐาน ฟัง (Listening) พูด (Speaking) อ่าน (Reading) เขียน (Writing)
และเพื่อพัฒนาทักษะในติดต่อสื่อสารเบื้องต้น เพื่อให้น้อง ๆ สามารถติดต่อสื่อสารเบื้องต้นกับชาวต่างชาติได้ อีกทั้งยังเป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานสำหรับน้อง ๆ ที่จะเรียนต่อในคอร์สเรียนที่สูงขึ้น และ ยากขึ้นอีกด้วย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Vocational Course คืออะไร
Vocational Education Training คือ การเรียนในหลักสูตรวิชาชีพในไทยนั้นเอง หรือที่เราเรียนกันว่า เรียนภาควิชาชีพ ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้วน้อง ๆ จะได้รับ Certificate หรือ ประกาศนียบัตร ซึ่งการเรียน Vocational Course ซึ่งรายวิชาหลัก ๆ ที่น้อง ๆ ส่วนใหญ่สนใจเรียน คือ
Business and Management
Marketing
Accounting
Hospitality
Cookery
IT
แล้วยังมีอีกหลายรายวิชาให้เลือกเรียนอีกมากมาย น้อง ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
เบอร์โทรที่สามารถ โทรหาพี่ ๆ S&K
Tel. 02-464 - 5177 M. 081- 816 - 6606 , 089 - 799 - 0093
ตั้งแต่ 09:00 - 17:30 จันทร์ - ศุกร์ วันเสาร์ 10:00 - 15:00
ถ้าพูดถึงการเรียนในหลักสูตร Degree program หรือ หลักสูตรปริญญา ซึ่งจะมีทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก ซึ่งสาขาวิชาต่างๆที่ให้เลือกเรียนก็มีมากมายหลายแขนง
อีกทั้งในบางประเทศยังใช้เวลาเรียนสั้นกว่าเรียนในประเทศไทย รวมถึงบางประเทศยังสามารถขอวีซ่าทำงานหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรอีกด้วย
S&K คือใครและทำอะไรบ้าง
S&K International Education มี 2 สาขา ใน 2 ประเทศ คือ
- ประเทศไทย
บริษัทเอส แอนด์ เค อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่นจำกัด
138/1 อาคารไอดีโอ สาทร-ตากสิน ถนน กรุงธนบุรี
แขวงบางลำภู่ล่าง เขตคลองสาน
จังหวัดกรุงเทพฯ 10600
โทร : 024645177
มือถือ : 089 799 0093, 081 816 6606
เวลาทำงาน
จันทร์ - ศุกร์ : 9:00-17:30
เสาร์ : 10:00-15:00
- ประเทศออสเตรเลีย
S&K International Education
Suite 22, Level 2,
650 George St, (World Square)
Sydney, NSW 2000, Australia
Tel : (61) 2 9283-0077
Fax : (61) 2 9283-6277
เวลาทำงาน
จันทร์ - ศุกร์ : 9:00-18:00
เสาร์ : 11:00-15:00
เกี่ยวกับเรา

OUR STAFF

Kitty Suthada
Marketing Manager

Pook Oraphin
Education Consultant Manager

Kat Wimon
Education Consultant

Kik Weerayut
Education Consultant / IT Support

Sasi Sasitorn
Education Consultant

Kate Suphannika
Education Consultant
skeducation@hotmail.com
skeducation_syd1@hotmail.com
skeducation_syd2@hotmail.com
skeducation_syd3@hotmail.com
skeducation_bkk3@hotmail.com
skeducation_syd5@outlook.com
skeducation_bkk4@hotmail.com